ผู้แต่ง
ติดอกติดใจโหลด Ebook ได้จ้า
EP.1
INTRO
Nano's Part
1
ปีที่แล้ว
"11
โมงอย่าเลทนะนาโน
ถ้ามาช้ามะเหมี่ยวกลับจริงๆด้วย" คำสั่งแกมบังคับที่หลอกหลอนผมตลอดคืน ทำเอานอนไม่หลับกระสับกระส่ายกลัวว่าจะไปสาย
ผมต้องไม่พลาดนี่คือเดทแรกของผม กับสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียน เชื่อเถอะ!!
ทุกคนต้องอิจฉาผมเวลาที่เดินเคียงคู่ไปกับมะเหมี่ยว
มือเราอาจจะเผลอโดนกันแบบไม่ตั้งใจ
ผมอาจจะได้จูงมือเธอข้ามถนน ตอนที่นั่งทานอาหารร้านที่เธอชอบ
เธอคงคุยสนุกสนานน่ารักน่ามอง เสียงเล็กออดอ้อนจนผมอาจจะเผลอใจเต้นแรงไปกับเธอ
ผมจะถือโอกาสนั่งแท็กซี่ไปส่งเธอที่บ้านแล้วเธอก็หอมแก้มผมเป็นการขอบคุณ
"
ขอบคุณนะ นาโนเป็นสุภาพบุรุษมากๆ
เราชอบเธอจัง"
กริ๊ง กริ๊งง...
เสียงไอโฟนคู่ใจปลุกผมจากภวังค์ทันที เวลาตอนนี้เพิ่งจะแปดโมงผมยิ้มกับฝันดีที่ปลุกความเป็นชายจนผงาดงำน่าเกรงขาม
ไม่ใช่ย่อยนะเราเนี่ยดูดีเลยที่เดียว
ผิวทุกส่วนในร่างผมขาวละเอียดเนียนนุ่มน่าสัมผัส
แม้แต่ส่วนที่ใครๆ ก็ดูแลยากเพราะมันทั้งอับทั้งชื้น ของผมยังใสกิ๊กประหนึ่งผิวเด็กแรกเกิดก็ไม่ปาน
"
นาโนตื่นแล้วก็มาห้องพี่หน่อย
มารีวิวครีมให้ทีดิ" ได้ยินไม่ผิดครับ เห็นหน้าแหยๆ
ไม่สู้คนแบบนี้ผมรับจ้างพี่สาวรีวิวครีม งานง่ายเงินดีขั้นตอนก็ไม่มีอะไรมากนอนนิ่งๆ
อย่างเดียว เดี๋ยวพี่ไมโครก็จะเอาแผ่นขาวๆ มามาร์กหน้าให้
คุยโม้อวดสรรพคุณไปเรื่อย ถูๆ ล้างๆ เช็ดๆ แล้วก็ซูมกล้องมาใกล้ๆ
แค่นี้ก็เสร็จแล้วครับ คลิปหนึ่งผมได้ค่าเหนื่อยตั้งหลายร้อย แล้วคิดดูว่าทำทุกวันผมจะมีเงินเก็บขนาดไหน
พี่ไมโคร : "แกผิวดีเพราะครีมพี่เลยนะเนี่ย
รู้ตัวหรือเปล่า"
นาโน
:
"ไม่จริงอะพี่ ผมว่าผมก็หล่ออยู่แล้วนะ"
พี่ไมโคร : "ใส่แว่นหนาเตอะ แต่งตัวถูกระเบียบเป๊ะ
หัวเกรียนขนาดเนี่ย"
พี่ไมโคร : "หน้าดี มันก็ยังไม่พอปะ"
นาโน
:
"พอไม่พอไม่รู้อะ
อย่างน้อยวันนี้ผมก็ได้เดทกับดาวที่โรงเรียน"
พี่ไมโคร : "เดทกับสาวหรอ"
นาโน
:
"ดาว ก็ต้องผู้หญิงดิพี่"
พี่ไมโคร : "อ้าว!! พี่ก็นึกว่าแกชอบเดือน"
นาโน
:
"เฮ้ย!! พูดอะไรน่าเกลียด"
พี่ไมโคร : "น่าเกลียดตรงไหน
ผู้ชาย-ผู้ชายคบกันดูดีจะตายไป"
นาโน
:
"พอๆ อย่าเอาความวายในตัวพี่
มายัดเยียดให้ผม"
ผมรีบลุกหนีทันทีเพราะพี่ไมโครสาววายตัวแม่เลย แกงค์นางแต่ละคนเฉิดฉายสไตล์เน็ตไอดอลไร้แฟนกันทั้งนั้น
เพราะมั่วแต่ลุ้นให้ผู้ชายได้กันเองจนไม่มีเวลาหาไง ผมไม่อยากคุยเดี๋ยวยาว เอาเวลาไปแต่งหล่อไปหาสาวดีกว่า
จ้องตัวเองในกระจกเช็คเสื้อผ้าหน้าผม
ไม่ลืมส่องไรฟันเช็คซากวัชพืช สูดลมหายในเข้าออกเช็คกลิ่นหอมสดชื่น เสื้อยืดมีแบรนด์ตัวเดียวในตู้ถูกสวมอย่างบรรจง
รีดจนเรียบกริบกับกางเกงยีนส์ตัวเก่ง ร้องเท้าผ้าคู่ประจำ มองตัวเองตอนนี้มั่นใจสุดๆ
กว่าจะฝ่าจราจรจากชานเมืองมาสยามได้ก็เกือบสายแล้วครับ
ขนาดผมเผื่อเวลาแล้วนะยังจวนเจียนเลย เหลืออีกแค่สิบนาทีผมวิ่งสุดตัวเพื่อ เดทแรก
สาวคนแรก หอมแก้มแรก อาจจะจูบแรกของผม
ปัง!!...
#
ชนจังๆ
กับอกใครบางคน
"
ขอโทษครับ" เงยหน้าขอโทษอย่างรีบร้อนจะได้จบๆ ไปแต่จังหวะนั้นอีกคนดันก้มลงมา
ในขณะที่ผมกำลังจะขอโทษอีกคนกำลังจะด่า ปากเราสัมผัสเปิดสองกลีบเข้าหากันพอดีผมอึ้งเหมือนเวลาหยุดหมุน
ตาจ้องคนตรงหน้าค้างเหมือนคนกำลังฝัน เผลอเม้มปากเขินอายอย่างไม่รู้ตัว เดี๋ยว!!
นี่ผมกำลังอาย และเม้มปากอีกคนอยู่หรอ
แรงดีดที่หน้าผากเจ็บจนกะโหลกจะร้าว
คนอะไรมือหนักชะมัด
"
มึงจะจูบกูอีกนานไหม"
คำถามแรกทำเอาผมตัวชาวาบ อึกอักราวกับพูดภาษาไทยไม่ได้ชั่วขณะ ตอนนี้ร่างตอบสนองเป็นภาษากายทั้งสั่นประหม่าส่ายหน้าค้าน
"
ไม่ใช่จูบเค้าเรียกว่าปากแตะกันตั้งหาก"
พูดจบผมก็เดินหนีทันที
ไลน์
!!
ไลน์!!
มะเหมี่ยว : "บอกแล้วไงว่าห้ามสาย เราไม่ชอบคนไม่ตรงเวลา"
มะเหมี่ยว : "นายก็เที่ยวคนเดียวแล้วกัน"
มะเหมี่ยว : "บาย"
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
ผมซวยสองครั้งซ้อนในวันเดียวเดทแรกพังตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
ทุกอย่างที่คิดไว้หายไปทันที แถมจูบแรกของผมยังเสียให้กับใครก็ไม่รู้...ที่เป็นผู้ชายอีกด้วย
เวรกำ!!
EP.2
Nano
Nano's Part
ไมโคร : "ไหนๆ แกก็ติดวิทศวะอย่างที่ต้องการแล้ว"
ไมโคร : "แกก็น่าจะดูแลตัวเองบ้างนะ"
ไมโคร : "เวลาแค่ปีเดียว ปล่อยตัวอ้วนเป็นหมู หน้ามันเยิ้ม
ผิวแห้งกร้าน"
ไมโคร : "นี่นายใช่น้องฉันคนเดิมหรือเปล่าเนี่ย"
นาโน
:
"ช่างผมเหอะพี่
จะอ้วนจะผอมก็รีวิวครีมได้เหมือนเดิมแหละน่า"
ไมโคร : "ก็จริง แต่แกโตแล้ว"
ไมโคร : "มันต้องพัฒนารูปร่างหน้าตา ไปพร้อมๆ กับสมองซิ"
นาโน
:
"ไม่จำเป็นหรอกพี่
ผมยังไม่อยากมีแฟนตอนนี้"
ไมโคร : "ตามใจเลย ไว้แกอยากดูดีเมื่อไรก็นึกถึงฉันแล้วกัน"
ไม่ใช่ไม่รู้สึกตัวนะครับ บ้านผมก็มีกระจกสะท้อนให้เห็นอยู่ว่าผมเปลี่ยนไปมากขนาดไหน
หุ่นนักกีฬาเริ่มอ้วนบวมไปทั้งตัว ผมเกรียนรองทรงสั้นยิ่งทำให้หัวผมเล็กนิดเดียวไม่สมส่วนกับตัวเข้าไปอีก
แว่นหนาเตอะใต้แว่นยังมีตาคล้ำ สิวเห่อ รูขุมขนบาน คางย้อย คอเป็นชั้น แขนเป็นมัดๆ
หาเสื้อผ้าใส่ไม่ได้ ถ้าปล่อยตัวอีกสัก 10
กิโล เสื้อผ้าผมคงหลุดไซร์
XL
แต่ผมไม่สนเพราะผมเรียนเก่งและมีตังค์
สอบติดวิทศวะเหมือนที่ใจต้องการ
มันคุ้มค่าที่ยอมเอาตาแพนด้าไปแลกมา พรุ่งนี้ก็จะเปิดเทอมแล้ว
ไม่รู้ว่าผมต้องเจออะไรอีกบ้าง แต่คงไม่มีอะไรน่ากลัวสำหรับผมแล้วเพราะผมได้เจอคนที่น่ากลัวที่สุดในวันนั้น
นาโน
: "
เวรกำ!! ไปสายแค่นี้มันผิดอะไรนักหนาวะ"
คนนั้น
: "
ทำหน้าเป็นหมาหงอยเลยมึง
มาขอโทษกูซะดีๆ"
ผมเหลือบมองคนที่เราเพิ่งแตะปากกันไปอย่างกลัว
คนอะไรก็ไม่รู้น่ากลัวชะมัด ทำยังกับแกงค์มาเฟียทวงหนี้ในสยามไปได้
"ขอโทษ
ผมรีบไปหน่อย" ผมยอมขอโทษด้วยน้ำเสียงสุภาพอีกครั้ง แต่คงยังไม่พอสำหรับคนอารมณ์ร้อนอย่างเค้า
"
เรื่องชนไม่เท่าไร
แต่เรื่องที่มึงจูบกูกลางห้างเนี่ย จะรับผิดชอบยังไง" คนบ้าอะไรพูดคำว่า
"จูบ" เสียงดังชัดเจนไม่อายคนเลย แถมยังมาถามหาความรับผิดชอบจากผมที่แม้แต่จูบก็ยังไม่เคยเนี่ยนะ
"
กูบอกแล้วไงว่าแค่ปากแตะกัน" ผมเถียงทันที คนที่ตัวสูงกว่าผมเดินรั้งคอเสื้อเอาเรื่อง
พูดใส่หน้าเหมือนผมผิดอยู่คนเดียว
"
มึงต้องรับผิดชอบทำให้กูเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น มึงต้องมาเป็นตัวตลกในสายตาของกู"
เสียงเหี้ยมพูดเน้นทีละคำจนผมเริ่มกลัว ตอนนั้นสะบัดสุดแรงจนหลุดจากมือแกร่งได้ก็วิ่งไม่คิดชีวิต
คนบ้าอะไร!! ผิดด้วยกันแท้ๆ ยังมาหาเรื่องผมอีก เออ..ถ้าผมเป็นฝ่ายเข้าไปจูบเค้าเองก็ว่าไปอย่าง
เฮ้ย!! ไม่ใช่แล้วเค้าเรียกว่า "ปากแตะกัน" ตังหากล่ะ
เพชร : "นินาย นาย!! เหม่ออะไรอยู่ ไปลงชื่อซิ"
นาโน
:
"ออ โทษที"
เพชร : "ไม่เป็นไร รีบลงชื่อเหอะได้ไปรวมกลุ่มกัน"
เพชร : "รุ่นพี่ประกาศเรียกหลายทีแล้ววะ"
นาโน
:
"เออไปๆ เราชื่อนาโน แล้วเธอล่ะชื่ออะไร"
เพชร : "เราชื่อเพชร ยินดีที่ได้รู้จัก"
มือเรียวของคนตัวเล็กใส่กระโปรงพลีทถูกระเบียบเป๊ะยื่นมาให้ผมจับ
ผมเกร็งๆ แต่ก็ยอมจับแต่โดยดี
"ไม่รู้สึกอะไรเลยแฮะ"
ผมคุยกับตัวเองอีกแล้ว ตั้งแต่วันนั้นความกลัวผมก็หายไปหมดสิ้น ชีวิตไม่มีความตื่นเต้นตั้งแต่ที่วิ่งหนีกระเจิงจากผู้ชายคนนั้น
คณะเราปีนี้ไม่ค่อยมีสาวสาว พอผมกับเพชรเดินเข้ามาทุกคนมองกันเป็นตาเดียว เสียงแซวหลายทิศทางจนฟังไม่รู้เรื่องเล่นเอาทำตัวไม่ถูก
มือเพชรเอื้อมมาจับแขนผมแบบประหม่า แต่ในสายตาคนอื่นมันเหมือนกำลังแสดงความเป็นเจ้าของมากกว่า
"
อ้าวๆ
แฟนกันไงล่ะคู่นี้เดินเร็วๆ อ้อยอิ่งอยู่ได้" เสียงรุ่นพี่ตะโกนให้เราเร่งฝีเท้า
บ้างก็แซวว่าเป็นนางฟ้ากับหมาวัด บ้างก็ว่าผมแค่เดินมาส่ง แหม่!!
รุ่นพี่นี่ปากร้ายทุกคนเปล่าเนี่ย เพชรไม่พูดอะไรยังเกาะแขนล่ำๆ ของผมแน่น ผมก็เลยไม่พูดตามปล่อยให้ทุกคนเข้าใจไปแบบนั้น
ริว : "เฮ้ย!! ไอ้อ้วนนี่กูขอนะโว้ย"
รุ่นพี่ : "อะไรของมึง ไปยุ่งกับเด็กคณะมึงโน้น"
ริว : "ก็นี่น้องรหัสไอ้คิม กูจะช่วยดูแทนมันเอง"
"
ผมนั่งได้ยังครับ" เดินมากว่าจะถึงก็เหนื่อยเหงื่อไหลเป็นน้ำแล้ว ยังมาเจอรุ่นพี่เถียงกันอีก
ผมเอาแต่ก้มหน้ารับฟังจนเริ่มทนไม่ไหวเอ่ยปากถามพร้อมเงยหน้า
แทบจะวินาทีเดียวเลยผมต้องรีบก้มหน้าลงโดยอัตโนมัติ
"
ผู้ชายคนนั้น"
ผมจำเค้าได้ทันทีเพราะเค้ายังดูดีไม่เปลี่ยน มีแต่ผมที่เปลี่ยนไปแล้ว
ก้มหลบตาเผื่อเค้าจะจำไม่ได้
ตอนนี้ผมกลายเป็นน้องใหม่วิทศวะที่มีเพื่อนของพี่รหัสเด็กแพทยศาสตร์คอยดูแล
กิจกรรมสลายพฤติกรรมสร้างความสัมพันธ์ยังดำเนินไปเรื่อย ในขณะที่ผมกับพี่แทบไม่มองหน้ากันเลย
ริว : "มึงเงยหน้าซิ กูชื่อริว"
นาโน
:
"ผมชื่อนาโนครับ"
พี่ริว : "นาโน ชื่อแมร่งไม่เข้ากับตัว"
ริว : "ดูจากสภาพน่าจะชื่อ บิ๊กเบิ้ม มากกว่า"
นาโน
:
"ตลกมากไหมพี่
ว่าคนอื่นแล้วตัวเองดีแค่ไหนกัน"
ริว : "ปากดีนะมึง"
ผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะเถียงหรอก แต่ปากมันไปไวกว่าความคิด
คือขอให้ได้เถียงไว้ก่อนจะถูกผิดช่างมันเราต้องไม่กลัว พี่ริวยังพูดยั่วประสาทผมต่อจี้จุดด้อยของผมแทบจะทุกเรื่อง
อะไรที่ทำให้ผมอับอายได้ดูเป็นเรื่องสนุกของเค้าไปหมด เพื่อนคนอื่นๆ ก็พลอยขำไปด้วยมองไปเห็นมีแค่เพชร
ที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แทนผม
พี่ริว : "บ้านมึงอยู่ไหนอะ เดี๋ยวกูไปส่ง"
นาโน
:
"ไม่ต้องหรอก ผมกลับเองได้"
ริว : "ก็กูบอกจะไปส่ง มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง"
นาโน
:
"เอาผมไปด้วยก็หนักรถเปล่าๆ"
ริว : "กูก็ไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอก
ริว
:
พี่รหัสมึงบอกให้กูใช้งานมึงได้แต่ต้องไปส่งมึงด้วย"
นาโน
:
"สรุปจะใช้งานอะไรก็ว่ามา"
ริว : "ไปก่อนเดี๋ยวกูบอก
ระยะห่างของเราประมาณเมตรหนึ่งได้
เค้าเป็นคนมีออร่ามาก เดินผ่านตรงไหนเหมือนมีแสงเปล่งประกายวับออกมาจากตัว สาวมองตาเป็นมันขืนผมไปเดินด้วยเหมือนแมลงวันตอมขี้ยังไงยังงั้นเลย
แล้วเราก็กลับบ้านพร้อมกัน เฟอร์รารี่หรูเปิดรับน้ำหนักผมเข้ามาอีกคน แรงยุบตัวฮวบต่ำทำเอาผมไม่กล้ามองหน้าคนข้างๆ
นึกภาพออกเลยว่าตอนนี้สายตาเค้าจะเย้ยหยันขนาดไหน
ริว : "กินไรดีวะ มึงคิดดิ๊"
นาโน
:
"กินไรก็ได้พี่"
ริว : "กูบอกอยู่ว่าหิวไง กูคิดไม่ออกหรอกเลยให้มึงคิด"
นาโน
:
"อยากกินไรก็กินตามสะดวกเลย ผมยังไงก็ได้"
ริว : "เดี๋ยวกูก็แดกมึงซะตรงนี้เลย กวนชิหาย"
เดี๋ยวนะ!! ไอ้คำว่า "แดกมึง" ของพี่เค้ามันฟังแปลกๆ ถ้าพี่ไมโครมาได้ยินต้องมโนเป็นสายวายแน่ๆ
ก็คำนี้เค้าไว้ใช้ตอนทำเรื่องยังนั้นกันไม่ใช่หรอ แล้วแววตานั้นอะไรจงใจมองให้ผมรู้สึกซะด้วย
รู้สึกเขินหรอไม่ใช่มั้ง?
ที่ผมเป็นอยู่แค่เห่อร้อนแปลกๆ
เพราะเดินตากแดดมามากกว่า
"
ไปบ้านกูแล้วกัน แล้วมึงก็จัดการล้างรถให้กูด้วย" พี่ริวมันสั่งเหมือนผมเป็นลูกน้อง
มากกว่ารุ่นน้องนะเนี่ย มือนิ่มๆ ของผมกำลังถูกใช้งานจับอะไรแข็งๆ
จนเปียกชุ่มไปหมดแค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
(
อย่าเพิ่งคิดไกล
ผมหมายถึงจับฟองน้ำล้างรถจนมือเปียก ถูไปถูมาจนเหนื่อย)
@
บ้านริว
บ้านพี่ริวแต่งแบบสมัยใหม่
ต้นไม้เยอะร่มรื้นเย็นสบาย
"คุณริวมีแขกเหรอคะ ให้ป้าเตรียมของว่างให้ที่ไหนดีคะ"
เสียงแม่บ้านสูงวัยถามอย่างสุภาพ พี่ริวสั่งให้จัดโต๊ะของว่างข้างนอกเพราะผมอาสาจะมาล้างรถให้
ทุกคนอิดออดไม่อยากให้ผมที่เป็นแขกทำ แต่พี่ริวพูดกลับตาลปัตรไปหมด สรุปผมต้องยอมรับชะตากรรมล้างรถคันที่เพิ่งนั่งมา
ทั้งที่มันสะอาดใสวับจนเห็นเงาตัวเอง แต่พี่รินกลับบอกว่าสกปรกและผมก็อาสาล้างให้
"
ตั้งใจถูหน่อยนะ
ลูกชายกูไม่ได้ขัดตัวมานานแล้ว" เสียงเย้ยหยันพอใจที่ได้แกล้งผม นานเนินอะไรล่ะใสสะอาดทุกซอกทุกมุมเหมือนเพิ่งออกมาจากคาร์แคร์แบบนี้
มันอยากแกล้งกันเล่นมากกว่ามีหรอที่คนอย่างนาโนจะยอมอยู่ฝ่ายเดียว
ผมจงใจฉีดสายยางแรงๆ
สะบัดไปมาให้น้ำกระเด็นไปโดนพี่ริว เสียงโวยวายข้างหลังบอกว่าแผนผมสำเร็จ ผมหันหน้ามาเถียงทั้งน้ำสายยางที่ยังเปิดอยู่
จงใจฉีดใส่หน้ารุ่นพี่อย่างหมั่นไส้ แต่พี่ริวกลับหลบทันคว้าถังแชมพูมาสาดจนเข้าตาผม
โอ๊ย!!
..
"เป็นไรมากเปล่า ไหนกูดูหน่อย"
เสียงพี่ริวกระซิบอยู่ใกล้ มือหนาเชยคางให้ผมเงยขึ้นใช้น้ำลูบตาให้ผมแผ่วเบา บรรจงเช็ดนุ่มนวลจนผมลืมตาได้
ระยะใกล้กันแค่คืบทำให้ผมรู้สึกถึงสัมผัสวันนั้น อึ้งอยู่สักสามวินาทีก่อนจะดีดตัวออก
"
เด็กโง่เอ๋ย แกล้งนิดแกล้งหน่อยก็ไม่ได้" พี่ริวลูบหัวผมอย่างเอ็นดู หน้าตาที่หล่ออยู่แล้ว
พอมีรอยยิ้มอบอุ่นจริงใจไปประทับอยู่ ยิ่งโคตรหล่อจนผมมองค้างทำอะไรไม่ถูก
"
พอแล้วไปอาบน้ำห้องกูปะ
เดี๋ยวพาไป" พี่ริวกอดคอพาผมเข้ามาอาบน้ำในบ้าน ก็เราเล่นกันซะเปียกไปหมดแชมพูยังกังอยู่เต็มหัวไม่อาบก็ไม่ได้แล้วด้วยซิ
"
อาบด้วยกันเลยเนอะ กูก็เปียกเหมือนกัน" ประโยคนี้ทำลายความมั่นใจผมจนเหลือ
0%
ยังไงซะผมจะไม่ยอมเด็ดขาด สรีระร่างกายผมไม่เหมาะจะอาบน้ำร่วมกับใครนักหรอก
นาโน
: "
พี่อาบก่อนเลย เดี๋ยวผมรอได้"
ริว : "
อย่าขัดใจกู
สภาพมึงเยินขนาดนี้จะอายอะไรนักหนา"
เออจริง!! ไอ้คนหล่อซิต้องอาย
สภาพผมมองตรงไหนก็มีแต่ไขมัน รอยแตกลาย ผมถอดเสื้อกางเกงออกเหมือนไม่รู้สึกอะไรแมนๆ
อาบน้ำด้วยกันจะอะไรนักหนาวะ เจอน้ำอุ่นที่เปิดรอจนเต็มอ่างช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน
ผมหลับตาทิ้งอารมณ์แบบคนเพลียมากจริงๆ อีกคนก็เหมือนรู้ใจนั่งนิ่งไม่กวนให้ผมหงุดหงิดเลยสัมผัสแผ่วเบาลูบไล้อยู่หน้าขา
เอ็นอ่อนนิ่มถูกลุกล้ำจนเริ่มดื้อตื่นตัว
"
พะ พี่!! ทำอะไร"
#
ตกใจถาม
พี่ริวยังวุ่นวายกับร่างกายผมไม่ยอมปล่อย
"กูแค่อยากรู้ เค้าว่าคนอ้วนของจะเล็กจริงไหมวะ"
ระยะใกล้กันมากจนผมต้องเบี่ยงหน้าห้ามใจ มือรีบคว้าแขนคนพี่ไว้อย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี
"ของมันก็เหมือนๆ กันพี่จะสงสัยอะไร"
#
พูดติดขัดพยายามตอบ
"
ไม่เหมือน
มึงลองจับของกูดิ" มืออีกข้างที่ว่างอยู่ดึงมือผมไปจุดนั้นทันที แล้วมันก็ไม่เหมือนจริงอย่างที่พี่เค้าพูด
ขนาดว่าผมพอใจในของตัวเองแล้ว มองมันทุกวันว่าน่ารักกำลังดี
แต่พอเจอของพี่ริวของผมดูอนุบาลไปเลย แท่งแข็งโตเต็มลำเด้งสู้มือไม่หยุดแค่มือผมกำไว้เฉยๆ
แรงดันภายในเอ็นยังเต้นตุบๆ ยั่วให้ผมขยับทักทาย
"
ขยับให้กูหน่อยซิ"
พี่ริวร้องขอ ผมทำตามเหมือนคนโดนคำสาปขยับนุ่มนวลพร้อมจ้องมองคนตรงหน้าไม่ละสายตา แรงกระตุกที่กลางตัวยังส่งอารมณ์มาให้ตลอดผมกัดฟันกลั้นเสียงคราง
สายตาที่เคยนุ่มนวลเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ทันที มือขยับแรงจนผมจะทนไม่ไหว
"
อ๊ะ!! อืม.."
หลุดเสียงน่าอายออกมาแผ่วๆ รอยยิ้มเจ้าชายของพี่ริวเดาไม่ออกว่ากำลังเยาะเย้ยหรือพอใจกับสิ่งที่ผมทำ
แล้วรุ่นน้องอย่างผมจะทำอะไรได้
"มึงแมร่งอ่อน! กูยังไม่ทันทำอะไรเลย"
ไม่ทำห่าอะไรล่ะ มึงชักแรงจนกูจุกไปหมด จะปั่นหัวกันไปถึงไหน
EP.3
ริว
Ryuu's Part
"
ขยับให้กูหน่อยซิ" อารมณ์ตอนนี้ผมเผลอร้องขอ
ทั้งที่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน ทุกคนอยากเข้าหาก็ผมทั้งหล่อรวยสะดุดขนาดนี้
แถมมีดีกรีเป็นหมอหนุ่มอนาคตไกลอีกตังหาก ผมเรียนกลไกร่างกายมนุษย์มาเพื่อสิ่งนี้
(
เพื่อรู้จุดเสียวทุกส่วนบนร่างกาย)
ไอ้เด็กนี้มันคงคิดว่าผมจำไม่ได้มั่ง
ก็บอกแล้วไงว่ามึงต้องชดใช้มาเป็นตัวตลกให้กู ขนาดวิ่งหนีไปแล้วผมก็ยังหามันเจอ
ปล่อยตัวซะจำเกือบไม่ได้ แต่ใครจะลืมลงริมฝีปากแดงระเรื่อกับแก้มใสๆ แบบนั้น
"
มึงเขินหรอวะ
แดงไปทั้งตัวขนาดนี้" เราช่วยกันขยับมือส่งอีกคนให้ปลดปล่อย แต่มันเหมือนต่างคนต่างทำจนผมอึดอัด(มึงเงียบจนกูหมดอารมณ์
รู้ตัวเปล่า?)
ผมเริ่มชวนมันคุย มันยังก้มหน้ากลั้นเสียงอายไม่ยอมปล่อยตัวเองไปกับความเสียวซ่านที่ผมมอบให้
"
ไม่ชอบหรอวะ
ไม่เห็นมึงครางเลย" ผมถามเพราะเริ่มสงสัย มือนิ่มหยุดชักดึงทันทีเงยหน้ามองผมอย่างกล้าๆ
กลัวๆ
"งั้นกูหยุดก็ได้" ผมสะบัดเสียงใส่อย่างไม่พอใจ
เห็นอย่างนี้ผมก็เชี่ยวพอตัวนะครับ แถมศึกษามาอย่างดีว่าส่วนให้ในร่างกายที่กระตุ้นง่าย
ผมทำให้มันอย่างนุ่มนวล ต่างจากมือเงอะงะทำๆ หยุดๆ น่ารำคาญชะมัด
"
เดี๋ยว
อีกนิดนึ่งซิ" ประโยคแรกหนังจากมันเงียบไปนาน ก้มหน้าพูดเหมือนหวาดกลัว
ไม่รู้ว่ากลัวผม หรือกลัวผมหยุดทำกันแน่ ผมยิ้มเหยียดอย่างพอใจ
"ร้องออกมาดิ
กูไม่รู้ว่ามึงรู้สึกยังไง" ผมยังแกล้งต่อ
ปัดมือมันออกจากของผมอยากให้มันใช้เวลาอยู่กับตัวเอง มือมันปิดปากพยายามกลั้นเสียงเบี่ยงหน้าหลบสายตาผม
ยิ่งหน้าแกล้งเข้าไปอีก จังหวะสุดท้ายผมใส่สุดข้อ
แววตาพริ้มหวานจ้องผมเหมือนผมทำอะไรถูกใจ มันครางต่ำในลำคอแผ่วเบา
แต่ก็ไม่เบาเกินไป เสียงหวานหูจนผมอยากหยุดไว้แค่นี้จริง
"
โทษทีกูเมื่อยแล้ว
มึงต่อเองแล้วกันตามสบาย" ผมลุกออกจากอ่างมาหน้าตาเฉย จากที่อยากแกล้งทำไมผมรู้สึกแปลก
ใจเต้นแรงตามร่างหนาเกร็งตัว แววตาที่มันมองผมทำให้ภายในเต้นแรงเห่อร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ริว
:
"เสื้อผ้ากู มึงเลือกใส่ได้เลย"
ริว
:
"เดี๋ยวกูไปข้างนอก
มึงกับบ้านเองได้ใช่ไหม"
นาโน
:
"กูขอ..."
#
อึกอักพูด
ริว
:
"ไม่ได้"
#
ตอบกลับทันที
"
ไอ้เด็กนาโนมันจะขออะไรวะ
น่าจะฟังมันพูดให้จบก่อน" ตอนแรกแค่สับสนกับตัวเอง แต่ตอนนี้สมองคิดแต่เรื่องมัน
เมื่อกี้น่าจะฟังมันพูดให้จบจะได้ไม่ต้องเก็บมาคิดอยู่แบบนี้
"
ริว
เร่งกูจังแล้วนี่มึงอยู่ไหน" เพื่อนผมกรอกเสียงจิกมาแต่ไกล ปกติก็เที่ยวทุกคืนครับแต่วันนี้ให้พวกมันออกมาไวกว่าปกติ
เพราะผมรู้สึกแปลกๆ เลยไม่อยากอยู่ในห้องนั้นกับไอ้อ้วนนาโน
"
กูอยู่หน้าร้านแล้ว จอดร้านแป๊บ" ร้านประจำผมเป็นของเฮียรุ่นพี่ในกลุ่มที่ชอบแต่งรถด้วยกัน
พวกเรามีห้องวีไอพีจะได้ไม่ต้องไปนั่งร่วมกับคนอื่น ไม่ได้เรื่องมากนะครับแต่พวกผมเวลาเมาไม่มีใครปกติสักคน
กร : "นึกไงเรียกกูมาเร็วจังวะ กูยังไม่ได้เข้าบ้านเลย"
ริว
:
"เออน่า!! แล้วนี่มึงมาไง"
กร : "แท็กซี่ดิ กูแยกกับเมียเพราะรีบมาหามึงเลยนะเนี่ย"
ริว
:
"เออเดี๋ยวกูไปส่ง แล้วคนอื่นล่ะวะ"
กร : "ไอ้ไอซ์มาแล้วอยู่หลังร้าน ไอ้นายอยู่กับหญิงโน้นอะ"
#
พยักหน้านำ
ริว
:
"ไหนวะ คนนั้นอะหน้าคุ้นๆ
เด็กวิทศวะมอกูวะ"
#
มองตาม
กร : "แค่คุ้นพอ มึงอย่าเสือกไปแย่งมันจีบเชียว"
กร : "เป็นเพื่อนที่ดี ควรสนับสนุนให้เพื่อนมีแฟนนะครับ"
ริว
:
"เออ!! กูรู้แล้วน่า"
กร : "โทษๆ กูก็ลืมไปว่ามึงมีน้องรักแรกพบของมึงแล้ว"
ริว
:
"หยุดเลย พูดอะไรของมึง"
#
ร้อนตัวเถียง
กร : "ก็น้องที่จูบมึงกลางห้างไง มึงเล่าให้กูฟังเป็นสิบรอบแล้ว"
ริว
:
"กูเล่าบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ"
กร : "เวลามึงไปเดินสยามที่ไร ก็เล่าทุกรอบอะ"
กร : "เล่าจนกูนึกว่าได้เสียกับน้องมันแล้วซะอีก"
ริว
:
"เว่อร์แล้วมึง"
ผมแสร้งมองไปทางอื่นกลัวไอ้กรมันจับได้ว่าผมกำลังยิ้ม
ทอดสายตาไปเรื่อยๆ มองแสงสีฟังเพลงเพราะคลอสร้างบรรยากาศ สะดุดตาที่ผู้หญิงคนนั้นดูใกล้ชิดกับไอ้นายเหลือเกินเหมือนคนคบกันมาแรมปี
กินตับกันไปร้อยรอบแล้ว ไหนว่าเพิ่งจีบกันไงวะทำไมถึงเนื้อถึงตัวจัง หรือมีแค่ผมที่ถือเรื่องแบบนี้
น้องเค้าตอนนี้กับตอนใส่ชุดนักศึกษาต่างกันเหลือเกิน
"
ไงไอ้นาย
กว่าจะแยกจากเมียมึงมาได้นะ" ผมรีบแซวเมื่อเห็นมันเดินยิ้มมาแต่ไกล
ร่างบางไร้กล้ามเนื้อ สูงสัก 175
ได้ตัวเล็กสมส่วนขาวตี๋แถมยังซิงอีกตั้งหาก
พวกผมรีบคว้ามันมาซักถามอย่างสนใจ
ไอซ์ : "ไปหามาจากไหนวะ โคตรน่ารักเลย"
กร : "เออจริง!! กูดีใจด้วยนะ เพื่อนกูจะได้สละซิงสักที"
ริว
:
"ไม่เคยแล้วมึงจะทำได้เหรอวะ"
นาย : "ทำอะไร พวกมึงก็พูดไปเรื่อย คนนี้กูจริงจังโว้ย"
ไอซ์ : "แต่เท่าที่กูดู
ถ้าคืนนี้มึงไม่ชวนเค้าขึ้นห้องมึงได้จบแน่"
กร : "ทำไมวะ"
ไอซ์ : "กูดูเค้าเหมือนพวกเก็บแต้มวะ"
กร : "สัส จริงดิ!! งั้นเลยหรอวะ"
ไอซ์ : "ไม่ต้องห่วง มึงนอนเฉยๆ เดี๋ยวเค้าก็ทำมึงเองแหล่ะ"
นาย : "บ้ามึง เพชรเค้าไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอก"
ไอซ์ : "พนันกับกูไหม กูมองไม่พลาดถ้าเค้าชวนมึงไปต่อ
มึงแพ้ตกลงเปล่า"
ริว
:
"กูก็ว่าเค้าแปลกๆ วะ"
นาย : "มึงก็คิดเหมือนไอ้ไอซ์หรอวะ"
ริว
:
"เปล่า กูว่าเค้าเหมือนกระเทย
มึงไปลองแล้วมาบอกกูมั่งแล้วกัน"
กร : "สัส โชคสองชั้น เปิดซิงครั้งแรกก็ได้ข้างหลังเลย
กูยังไม่เคยได้เลยนะมึง"
นาย : "พวกมึงอำกูเปล่าเนี่ย กูไปดีกว่า"
ไอซ์ : "ไม่เชื่อกูก็ตามใจมึง"
อ่านมาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งเกลียดพวกผมนะครับ
ผู้ชายเวลาอยู่กันในกลุ่มก็เมาท์เรื่องสาวๆ เหมือนผู้หญิงนั้นแหละ แต่เราจินตนาการล้ำกว่าเยอะ
อยู่ที่ประสบการณ์ใครจะมากกว่ากัน สุดท้ายไอ้นายก็ยกมือส่งซิกว่าเค้าชวนมันไปต่อ ผมส่งไลน์ไปกำชับให้มันพกถุงติดไปด้วย
เผื่อจำเป็นจะได้หยิบมาใช้ทันเวลา
ไอซ์ : "อ้าว!! ไอ้นายไปไหนแล้ว"
ริว
:
"ไปแล้ว มึงมั่วแต่ไปอัดกันในห้องน้ำนานสองนาน
เสียงดังมาถึงนี่"
ไอซ์ : "ทำไงได้วะ กูมันคนใจดีกับสาวๆ
ใครขอท่าไหoกูจัดให้ได้หมดอะ
ริว
:
"ก็ดี กูจะกลับแล้วเนี่ย
เดี๋ยวต้องไปส่งไอ้กรอีก"
ไอซ์ : "อะไรวะ เพิ่ง
5
ทุ่มกว่ามึงจะกลับกันแล้ว"
ริว
:
"เออ!! ไอ้กรเมียมันตามหลายรอบแล้ว
ริว
:
"กูไปละ"
แค่คิดก็เหนื่อยแล้วนี่ผมต้องขับรถไปส่งไอ้กรเส้นตลิ่งชันโน้น
มืดก็มืด เปลี่ยวก็เปลี่ยว ขับออกจากตัวเมืองมาเริ่มไม่เหลือเพื่อนรวมทางเลย ไอ้กรก็เมาหลับไม่ได้สติ
ผมเลือกออกมาทางเส้นปิ่นเกล้าขับมาเรื่อยๆ จนถึงตลิ่งชันแล้ว
"
เอ๊ะ!! หัวเกรียนๆ
นั้นคุ้นวะ" รีบแตะเบรกใส่เกียร์ถอยหลังกลับไปดู เด็กหัวเหม่งที่ผมเพิ่งแยกจากมันมานั่งรอรถอยู่ที่ป้ายรถเมย์อย่างไร้จุดหมาย
นี่มันเที่ยงคืนแล้วไม่มีรถเมย์แล้วมั่ง ผมทำให้มันลำบากหรือเปล่า แต่ก็สมควรก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าบ้านมันไกล
ผมจอดรถอยู่หน้ามันเกือบ 5
นาทีแล้ว มันยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาดูเลย เอาแต่ก้มหน้าแบบนี้มึงจะได้รถกลับบ้านไหม
"จอดไมวะมึง" ไอ้กรถามด้วยความสงสัย ผมพยักหน้าให้มันมองตาม หน้ามันมีแต่เครื่องหมายคำถาม
แต่มันคงขี้เกียจพูดเลยบีบแตรแทน นาโนเงยหน้ามาเจอรถผมแต่มันยังนิ่ง
ผมเลยต้องยอมลดกระจกลงไปคุยเอง
"ขึ้นมา เดี๋ยวกูไปส่ง เร็วๆ"
หน้าเอ๋อของเด็กนั้นเคลือบแฝงไว้ด้วยความดีใจ รีบร้อนขึ้นมาบนรถทันที ผมแอบมองจากกระจกส่องหลังเห็นรอยยิ้มของมันครั้งแรก..โถ่!!
ใจกูจะเต้นแรงไปไหนเนี่ย
กร : "แล้วไมมึงไม่ลากมันไปร้านด้วยวะ ให้มานั่งรอมืดๆ
ทำไม"
ริว : "บ้า กูไม่ได้นัดกัน กูบังเอิญเจอ"
กร : "บังเอิญ
?"
ริว : "เออ!! บังเอิญ กูยังไม่รู้เลยบ้านมันอยู่ไหน"
กร : "กูก็ไม่ได้ถามว่าบ้านอยู่ไหน"
กร : "กูบอกว่าทำไมไม่พาน้องมันไปด้วย"
ริว : "ก็บอกว่ากูเพิ่งเจอเนี่ย"
กร : "ริว กูเพื่อนมึง กลิ่นแชมพู เสื้อ กางเกงอีก
ของมึงชัดๆ"
กร : "จะบอกว่าเพิ่งเจออีกไหม"
ริว : "......"
#
รู้ทันกูตลอด
บรรยากาศในรถเงียบจนได้ยินเสียงแอร์
ผมมองกระจกหลังแล้วก็ขำ ร่างอ้วนหนาพยายามยัดตัวเองลงซอกเฟอร์รารี่แคบๆ
นาโนมันคงอึดอัดน่าดูความมืดยิ่งขับให้ผิวมันสว่างขาวละเอียด
ผมมองเพลินรู้สึกดีจัง
"
ขับงี้เมื่อไรจะถึง
เมียกูจิกจะสิบมิสคอลแล้วเนี่ย" ผมรีบขับไปส่งไอ้กรทันที
เพราะเด็กอ้วนข้างหลังก็หลับสลบไปแล้ว
"มึงๆ มานั่งหน้าดิ"
ผมปลุกให้มันย้ายมานั่งหน้า บ้านมันอยู่แถวเวตเกทมืดและเปลี่ยวดีจริงๆ
โชคดีที่ผมมาส่งไม่งั้น ผมคงเป็นห่วงมันมาก
ริว : "แล้วนี้ พรุ่งนี้มึงไปมอยังไง"
นาโน : "ไปรถเมย์ดิ ผมไม่ได้รวยเหมือนพี่นะ"
ริว : "ออ งั้นกูค้างกับมึงละกัน พรุ่งนี้ได้ไปพร้อมกันเลย"
นาโน : "ไม่เอา"
ริว : "กูขี้เกียจแล้ว ไปๆ ขึ้นห้อง"
มันเดินเว้นระยะห่างเกร็งไม่กล้าขัดใจผม
ยอมพาเดินเข้าห้องนอน ผมล้มตัวนอนกลิ้งอย่างเหนื่อยเพลีย แอลกอฮอร์ยังกรึ่มในร่างยิ่งชวนหลับเข้าไปใหญ่
หยิบมือถือมาสไลด์ปิดเครื่อง
"
ถอดเสื้อผ้า
เช็ดตัวให้กูด้วยนะ" ผมบอกเสียงเรียบหน้าตาเฉย แต่นาโนสิหน้าเหวอมาก
ปล่อยให้มันถอดออกครบทุกชิ้น ผ้าเย็นไล่เช็ดให้อย่างลวกๆ
ผมรู้สึกตัวตื่นตอนที่เตียงเด้งเหมือนมีน้ำหนักใครเพิ่มเข้ามา
"
ฝันดีนะมึง" ผมหันไปบอกมัน
แผ่นหลังกว้างพลิกตัวมาตอบกลับอย่างคนมีมารยาท
"
ครับ"
#
ตาแววใส
ทำหน้ายังงี้อีกแล้ว ผมอดใจไม่ไหวขยับตัวไปปิดปากมันทันที
สัมผัสนิ่งค้างเหลือเพียงเสียงใจเต้นแรง ผมเม้นปากเน้นๆ เพียงครั้งเดียวแล้วผละออก
"อย่าคิดว่ากู จำมึงไม่ได้นะ" ไม่รู้ว่าตอนนี้มันทำหน้ายังไง
แต่ผมหลับตาสนิทกลั้นริมฝีปากไม่ให้คลี่ยิ้มเหมือนที่ใจต้องการ
EP.4
อกหัก
Nano's Part
ผมล่องลอยไปกับการกระทำที่ไอ้คนหน้าหล่อทำให้
เป็นใครก็ต้องเคลิ้มกันทั้งนั้นแหละ สัมผัสนุ่มนวลเหมือนรู้ไปหมดว่าผมชอบแบบไหนอย่างไร
มือนิ่มคลึงส่วนแข็งในร่างจนปั่นป่วนไปหมด แล้วมันก็หยุดเอาดื้อๆ ปล่อยผมให้ค้างอึนด้วยความไม่เข้าใจ
"
กูคงเป็นตัวตลกจริงๆ" เหตุผลที่เค้าต้องการใกล้ผม เพราะเค้าจำได้แล้วหรือเปล่าว่าผมคือเด็กคนนั้น
คนที่อยากแกล้งให้เป็นตัวตลก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พี่เค้าก็ทำสำเร็จแล้วแหละ เพราะตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ผมยังคิดเรื่องพี่เค้าไม่หยุดเลย
ดึกปานนี้จะมีรถกลับบ้านไหมเนี่ย
เราคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกมั่ง มืดวังเวงยิ่งสายตาสั้นๆ อยู่มองอะไรก็ไม่ค่อยชัด
แว่นหนาเตอะอยู่แล้วอาจจะต้องเปลี่ยนให้มันหนากว่าเดิม เสื้อยืดตัวใหญ่สุดในตู้ผมยังใส่แทบไม่ได้
ดูสภาพตัวเองตอนนี้ซิ กางเกงบอลย้วยๆ กับเสื้อสีแดงรัดติ้วน่าเกลียดที่สุด เพิ่งรู้ว่าผมก็มีก็ซิกแพค
เนินอกขึ้นสองก้อนกลม พุงพุ้ย ตูดบาน หน้ากลม ครบหกยังครับ
สิวเกรอะเริ่มคันเพราะโดนแชมพูล้างรถ
สภาพตอนนี้นั่งที่เปลี่ยวๆ ยังปลอดภัยเลย เสียงแตรรถเรียกทำให้ผมเงยหน้ามอง เฟอร์รารี่คุ้นตาจอดลดกระจกลงเรียกผม
เดินเข้าไปนั่งในซอกแคบๆ ของรถหรูอย่างอึดอัด แถมคนที่มาด้วยอีกคนก็พูดไม่หยุด สรุปพี่ริวจะค้างด้วยผมไม่ได้เต็มใจแต่รู้สึกว่ามีเรื่องอยากเคลียกับเค้า
คนเมาเริ่มไม่มีสติหลับสนิทอย่างเหนื่อยอ่อน
ผมสีน้ำตาลพลิ้วสลวยจมูกคมสันปากสีส้มฝาดน่าหลงใหล หน้าตาก็ดีทำไมดุจังแถมยังชอบแกล้งผมด้วย
ผมกำลังถอดเสื้อผ้าเช็ดตัวให้พี่ริวอยู่ ร่างแกร่งอกผายสมวัยพาให้ผมจินตนาการถึงตอนอยู่ในอ่างน้ำด้วยกัน
"
คิดเรื่องบ้าอะไรเนี่ย"
"
ครับ"
ผมเผลอปากตอบเพราะไม่รู้ว่าตอนนั้นผมจะรับมือกับใจที่เต้นแรงยังไงดี ริมฝีปากส้มฝาดเคลื่อนเข้ามาใกล้สัมผัสค้างไว้แล้วผละออก
นี่เค้ามีสติอยู่หรือเปล่า ทำไมบางทีก็ดูนุ่มนวลแสนดีแต่บางทีก็กวนประสาท
"
อย่าคิดว่ากูจำมึงไม่ได้นะ ทำผิดแล้วยังวิ่งหนีเหมือนคนขี้ขลาด
กูรังเกียจคนอย่างมึง" เสียงของพี่ริวบาดลงไปในความรู้สึก ผมรู้สึกแย่กับตัวเองอยู่แล้วมาเจอคนพูดตรงๆ
ว่ารังเกียจผมยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ผมควรทำยังไงดี?
นาโน : "ผมขอโทษพี่ ผมแค่กลัว"
ริว : "กลัวกูเนี่ยนะ"
นาโน : "ก็พี่ตาดุยังกับมาเฟีย"
ริว : "กลัวจนต้องวิ่งหนีไป
ไม่สนใจว่าคนอื่นเค้าจะมองกูยังไงเลยหรอ"
นาโน : "ก็คนมันเยอะ ผมก็อายด้วย"
ริว : "แล้วกูไม่อายหรือไง"
นาโน : "คือผม.. จะให้ผมชดใช้ยังไงก็บอกมา"
นาโน : "ตอนนี้ผมพร้อมเป็นตัวตลกให้พี่แล้วแหละ"
ริว : "กูไม่ได้ต้องการมึงตอนนี้ กูต้องการมึงตอนนั้น"
นาโน : "แล้วมันต่างกันตรงไหน"
ริว : "ความรู้สึกกูไงที่ต่าง"
เหตุการณ์วันนั้นหลังจากที่ปากสัมผัสกัน ผมก็น้ำตาเอ่อไหลทำอะไรไม่ถูก
พอร้องไห้ออกมาคนยิ่งรุมมองซุบซิบกันมากขึ้น พี่ริวยืนนิ่งไม่พอใจที่ผมน้ำตาแตก
แรงกระชักแขนปากพร่ำบ่นให้ผมรับผิดชอบ ยิ่งทำให้ไทยมุงซุบซิบกันหนัก
ผมรีบวิ่งหนีไม่คิดชีวิตเหลือแค่พี่ริวกับผู้ร่วมในเหตุการณ์อีกนับร้อยชีวิต
"
นาโน ตื่นมารีวิว
ว๊าย!!" เสียงตะโกนเรียกมาแต่ไกลของพี่ไมโคร ตามด้วยเสียงว๊าย!!
คีย์สุดปี๊ดมันก็น่าตกใจอยู่เพราะตอนนี้ร่างหนาๆ นอนซบอยู่แนบอกอุ่นของพี่ริว
แถมพี่ริวเปลือยไม่ห่มผ้า โชว์เนินปั้นท้ายอีกตังหาก ผมรีบดึงผ้าขึ้นปิดให้ทำมือบอกให้เงียบเสียงแล้วลากพี่ไมโครไปคุยไกลๆ
แววตาอยากรู้อยากเห็นนี่น่าหมันไส้ชะมัดผมพูดอะไรนางก็ไม่เชื่อสักอย่าง
ริว : "ไปไหนมาวะ กูตื่นมาไม่เจอมึงแมร่ง!!"
นาโน : "ไปอาบน้ำมา พี่จะอาบไหม"
ริว : "เหอะ เดี๋ยวกูค่อยอาบที่บ้าน"
#
กดเปิดมือถือ
ริว : "ไอ้นายมีอะไรวะ โทรมาเป็นสิบสาย"
#
พูดคนเดียว
ทุกวันผ่านไปเป็นปกติ
ผมแทบจะเป็นเบ้คอยดูแลซื้อข้าวซื้อน้ำตามติดพี่ริวตลอด
เพราะอยากรับผิดชอบที่วันนั้นชิ่งหนีออกมา ยอมทนให้พี่ริวจิกหัวใช้ไม่พอ ยังยอมให้เพื่อนคนอื่นๆ
ในกลุ่มเค้าใช้งานเยี่ยงทาสด้วย
กร : "ให้ไว้หน่อยดิวะ กูจะกินวันนี้นะไม่ใช้พรุ่งนี้"
นาโน : "ผมก็รีบแล้วพี่ คนในโรงอาหารเยอะจะตาย"
กร : "เฮ้ยริว!! เด็กมึงเถียงกูวะ"
ริว : "เร็วๆ กูหิวแล้ว"
คิม : "ถ้าพวกมึงสั่งร้านเดียวกันนะ ได้กินไปนานแล้ว"
คิม : "หิว แต่เสือกแดกคนละร้าน ไม่สงสารน้องมันหรือไง"
ริว : "สงสารทำไม มันเต็มใจ"
คิม : "ไอ้นาโนมันน้องรหัสกู ไม่ใช้เบ้ให้พวกมึงจิกใช้นะ"
ริว : "งั้นมึงถามมันเลย ว่าเต็มใจทำให้กูหรือเปล่า"
นาโน : "ผม.. ผมเต็มใจทำครับ"
คิม : "อย่าบอกนะที่มึงสองคนตัวติดกันเนี่ย มึงคบกันอยู่"
คิม : "นาโน ไปหลงคารมคนอย่างไอ้ริวได้ไงวะ"
นาโน : "ไม่ใช่พี่ ผมไม่ได้.."
#
พูดไม่ทันจบ
ริว : "คบบ้าคบบออะไรวะ มึงดูสารรูปอย่างมันกับกู"
#
มองเหยียดนาโน
ริว : "กูคงไม่ตาบอด ลดตัวไปคบกับคนอัปลักษณ์อย่างมันหรอก"
#
ลอยหน้าพูด
ริว : "แค่ยอมคุยด้วย ก็เกินจะทนแล้ว"
กร : "พอๆ มึงพูดเกินไปแล้ว เกรงใจน้องมันบ้าง"
#
พยายามห้าม
ริว : "เกรงใจทำไมวะ หรือมึงก็คิดว่ากูคบกับมัน"
กร : "เออๆ ไม่คบก็ไม่คบ นาโนมึงมานั่งกินข้าวเหอะ"
นาโน : "พวกพี่กินก่อนเลย เดี๋ยวผมขอตัวก่อน"
ริว : "คนน่ารังเกียจอย่างมึง ก็ทำได้แค่วิ่งหนีล่ะวะ ไปพ้นๆ
ตากูไป"
คำก็น่ารังเกียจสองคำก็อัปลักษณ์
พี่คงลดตัวมากเลยนะที่มาคุยกับผม เดินกับผม นอนห้องผม อาบน้ำกับผม จูบผม
ไม่ใช่ซิ.. แค่ปากแตะผม หลายวันที่ผ่านมาผมรู้สึกดีขึ้น ไม่เกร็งเหมือนวันแรกๆ แอบคิดว่าพี่เค้าคงหายโกรธแล้ว
แต่พอมาวันนี้ คำพูดเหล่านั้นบอกผมว่าความรู้สึกเค้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย กริ๊งงง..
ริว : "มึงอยู่ไหน"
ผม : "ถึงบ้านแล้วครับ"
ริว : "ใครให้กลับ"
ผม : "รังเกียจผมก็อยู่ห่างๆ ผมเหอะพี่"
ริว : "ผมว่านะ ที่พี่โทรมาเนี่ย"
ผม : "พี่ทำเหมือนเราคบกัน อย่างเพื่อนพี่ว่าเลย"
ริว : "ไม่ มึงก็แค่เบ้กู"
ริว : "กูเรียกให้มา มึงก็ต้องมา"
ผม : "หรอ งั้นถ้าโทรมาเพื่อเรียกให้ผมไปหา
พี่คงชอบผมมากซินะ"
ริว : "ใครจะชอบคนอย่างมึง"
ริว : "กูแค่จะบอกว่าที่หลัง เจอกูอย่ามาทักอีก"
ผมพูดตีรวนไปอย่างนั้นยิ่งคุยเราก็ยิ่งแรงใส่กัน
ผมกลั้นเสียงให้ปกติทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับคำปฎิเสธิเสียงแข็งท่าทีรังเกียจจริงจัง
แต่พอเค้าวางสายไปแล้วผมกลับวูบไหวชาไปทั่วร่างจนอยากจะร้องไห้ ในหัวคิดวกวนอยู่แต่คำว่า
"มันจบแล้ว มันจบแล้วจริงๆ"
พี่ไมโคร : "นาโน ไป.."
พี่ไมโคร : "เฮ้ย!! แกเป็นอะไร"
นาโน : "เปล่า ผมไม่ได้เป็น"
พี่ไมโคร : "ไม่ได้เป็น!! แล้วร้องไห้ทำไม"
นาโน : "พี่ผมมันอัปลักษณ์ น่ารังเกียจมากไหม"
พี่ไมโคร : "ไปฟังใครพูดมาเนี่ย"
นาโน : "พี่ริวด่าผม"
พี่ไมโคร : "เค้าก็ด่าแกทุกวันอยู่แล้วนิ
แกก็เล่าให้พี่ฟังบ่อยๆ"
นาโน : "ใช่ แต่วันนี้ด่าจริงจังมาก แถมห้ามผมไปเจอเค้าอีกด้วย"
พี่ไมโคร : "เดี๋ยว!! นี่คบแบบพี่น้องหรือแฟนกัน"
พี่ไมโคร : "ทำไมแกต้องเสียใจขนาดนี้ด้วย"
นาโน : "ก็พี่น้องดิ"
พี่ไมโคร : "แน่ใจ"
พี่ไมโคร : "ตอนที่เห็นพวกแกนอนกอดกัน
ยังไม่น่าสงสัยเท่าตอนนี้เลย"
นาโน : "สงสัยอะไรพี่"
พี่ไมโคร : "ก็สงสัย ว่าแกชอบริวแล้วนะซิ"
นาโน : "บ้าหรอพี่ ผมเป็นผู้ชายจะชอบผู้ชายด้วยกันได้ไง"
พี่ไมโคร : "งั้นถ้าเป็นผู้ชาย แล้วร้องไห้ทำไม"
นาโน : "ก็.."
นางยังไม่ทันจะฟังคำตอบผมด้วยซ้ำ
เดินยิ้มมีเลศนัยออกไป แล้วกลับเข้ามาอีกครั้งกับอาหารเสริมกล่องหนึ่ง
"อะ
เอาไปลอง" ข้างกล่องเขียนว่าช่วยเผาผลาญไขมัน นี่ถ้ากินไอ้นี่แล้วไม่มีไขมัน คนในประเทศเค้าก็ผอมกันหมดแล้วซิ
"ไม่เอาพี่ ผมไม่ได้อยากผอม"
"
ถ้าวันนี้แกไม่ได้ชอบริว
แกก็ควรรีบดูแลตัวเองซะ ทำหน้าให้หล่อใสแล้วกลับไปเชิดใส่เค้า แต่ถ้าวันหนึ่งแกคิดได้ว่าชอบริวขึ้นมา
แกก็ไปบอกรักซะเลยเห็นไหมมีแต่ได้กับได้ ถ้าไม่ทำอะไรเลยแกก็เป็นแค่คนน่ารังเกียจสำหรับเค้า
ก็เท่านั้นเอง"
คำพูดจี้ใจทำเอาผมเถียงไม่ได้
ทุกอย่างมันก็ชัดเจนอยู่ในกระจก รอบเอวอ้วนเผะ หน้ากลมนมย้อย
ตูดห้อยไอ้นั้นเหลืออันนิดเดียว ถ้าวันไหนกินอิ่มๆ แทบมองไม่เห็น สารรูปอย่างผมก็ขี้เหร่จริงๆ
แต่ก็ไม่ถึงกับน่ารังเกียจนะ
เช้าวันใหม่ผมไปมหาลัยแบบเบลอๆ
มารู้สึกตัวอีกทีก็เดินอยู่คณะแพทย์ นี่เรามาตามความเคยชินใช่ไหมสม๊งสมองไม่ได้เอามาหรือไง
"ไอ้นาโน มาหาริวหรอ" เสียงเล็กๆ แหบต่ำเหมือนคนใช่เสียงหนักเอ่ยทักผม
"เปล่าครับ พี่นายไม่มีเรียนหรอฮะ"
นาย : "มีดิ แต่กูมาสาย"
นาโน : "อืม..สภาพพี่เหมือนเพิ่งตื่นเลย"
นาย : "เออ!! กูไม่ค่อยได้นอนวะ
ไปหาอะไรกินเป็นเพื่อนหน่อยดิ"
ไลน์!! ไลน์!!
"
ผมชวนเพื่อนไปกินด้วยได้ไหมมันทักมาพอดี"
พี่นายพยักหน้าส่งๆ เหมือนไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าผมพูดอะไร ผมเคยเจอแกแค่ครั้งสองครั้งเองไม่สนิทเท่าไรด้วย
ไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี ให้เพชรมานั่งด้วยน่าจะดีกว่า พี่นายก็เหมือนเดิมนั่งนิ่งชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว
ไม่ยอมกระดิกตัวทำอะไรเหมือนกันทั้งกลุ่ม
พี่นาย : "มึงนี่ก็ดีเนอะ เป็นน้องรหัสไอ้คิมยังเสือกยอมดูแลพวกกูด้วย"
นาโน : "รุ่นพี่ไง แก่ๆ กันแล้วผมเลยไม่อยากให้เดินมาก"
#
แกล้งพูด
พี่นาย : "ปากดีอย่างที่ไอ้ริวมันบอกจริงๆ นะมึงเนี่ย"
นาโน : "พี่ริวพูดถึงผมด้วยเหรอ"
#
อยากรู้
พี่นาย : "กูได้ยินเรื่องมึงทุกวัน จนกูเบื่อ"
พี่นาย : "แล้วที่พี่ๆ เค้าชอบใช้มึงอะ
เค้าอยากแสดงความรักรู้ตัวไว้ด้วย"
นาโน : "รักยังไงพี่"
พี่นาย : "ก็..."
นาโน : "เฮ้ย!! เพชรทางนี้"
#
เห็นเพชรเดินมาพอดี
ผมเงยหน้าเห็นเพชรเดินมาพอดี
รีบตะโกนเรียกจนไม่ทันฟังว่าพี่นายพูดอะไรต่อ ตอนที่แนะนำพี่นายให้รู้จักเพชรเพื่อนผม
บรรยากาศมันอึดอัดมากพี่นายเงียบสนิทไม่ปริปากพูดใดๆ เพชรมาถึงก็เลือกนั่งฝั่งเดียวกับพี่นายพลอยนิ่งเงียบไปด้วย
เหลือแค่ผมกับยิ้มแห้งๆ ไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี
"
พี่นายเอาอะไรเพิ่มอีกไหม
เดี๋ยวผมไปซื้อให้" ผมเสนอตัวเองให้ออกไปไกลๆ จากสงครามสายตา
พี่นายรีบคว้ามือผมไว้ไม่ยอมปล่อย อะไรกันวะ!! มีแต่คนอยากอยู่กับสาวสวยสุดน่ารักอย่างเพชร
แล้วอาการพี่นายนี่คืออะไร?
มือที่จับผมไว้สั่นจนผมรู้สึกได้ไม่มีทีท่าจะยอมปล่อยง่ายๆ
ผมเลยใช้อีกมือประกบทับกำลังจะหยิบมือพี่นายออก รู้สึกถึงสายตาอาฆาตแผ่มาทุกทิศทาง
เพชรจ้องจนผมแปลกใจและอีกทาง
"
ไอ้นายเผลอไม่ได้
โดดไม่ยอมชวนกูเลยนะมึง" เสียงพี่กรกับพี่ริวเดินมาร่วมวงด้วย พี่นายรีบปล่อยมือไปกุมหัวแทนเพราะเพิ่งถูกพี่ริวเอาหนังสือฟาดใส่ไปเมื่อกี้
ผมยิ้มขำตามปกติหันไปสบตาพี่ริวทันเห็นรอยยิ้มสดใสสลดลงเบือนหน้าหนี นี่เค้าคงรังเกียจผมมากซินะ
"
ผมกลับตึกดีกว่า ไปเหอะเพชร"
รีบชวนเพชรให้ออกจากตรงนั้น รู้สึกทนไม่ได้ที่ต้องอยู่ใกล้พี่ริวขนาดนี้
เพชรเดินเบียดเกาะแขนออกมา อย่างน้อยเธอคนนี้ก็ไม่รังเกียจผม
นาโน
: "
แกว่าเราขี้เหร่ ทุเรศ อุบาศ
น่ารังเกียจอะไรประมาณนั้นเปล่าวะ"
เพชร : "ทุกคนก็มีเรื่องน่ารังเกียจซ้อนกันไว้ทั้งนั้นแหละ
ไม่ใช่แกคนเดียวสักหน่อย"
นาโน : "แปลว่าแกก็คิดว่าเราน่ารังเกียจ"
เพชร : "บ้านแกไม่มีกระจกเหรอ
?
สภาพขนาดเนี่ย"
เพชร : "คิดว่าหล่อเหมือนจีดราก้อนหรือไง"
นาโน : "แมร่ง!! ก็ตรงเกิน"
#
จือปากพูด
เพชร
: "
สิ่งที่คนอื่นมองเห็นแล้วบอกว่าแกน่ารังเกียจ
เพราะเค้าใช้ตามองไง เค้าไม่ได้ใช้ใจมองเหมือนเรา ภายใต้ความอ้วนล่ำสิวเกรอะกัง นายก็เป็นแค่ผู้ชายตัวเล็กๆ
ที่สร้างเกราะไว้ป้องกันตัวหลายชั้นก็เท่านั้นเอง"
นาโน : "แก.."
เพชร : "ความน่ารังเกียจของแกมันแก้ไขได้ แต่บางคนแค่จะยอมรับว่าตัวเองแย่
อุบาศเค้ายังทำไม่ได้เลย"
นาโน : "ไม่น่าเชื่อนะว่าแกจะคิดอะไรลึกซึ้งแบบนี้ได้"
เพชร : "ทำไม"
นาโน : "ก็คนที่เพียบพร้อมทุกอย่าง หน้าตาดี เรียนเก่ง บ้านรวย
ไม่น่าจะเจออะไรแย่ๆ มากนัก คนที่คิดแบบนี้ได้น่าจะพวกโชกโชนมากกว่า"
เพชร : "แกก็อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นหรือได้ยินมาซิ
ขนาดใจตัวเองยังลังเลไม่แน่ใจได้เลย
แล้วนับประสาอะไรกับสิ่งที่คนอื่นแสดงออกมา"
"
สู้ๆ
ทุกข์ตรงไหนมากสุดก็ไปแก้ตรงนั้นก่อน" เสียงเล็กเหมือนดัดจริตกำลังพูดคำที่ความหมายซับซ้อนกับผม
มันก็จริงอย่างที่เพชรพูด ความน่ารังเกียจของผมแก้ไขได้ แล้วผมก็ทุกข์ตรงนี้มากที่สุดด้วย
"
พี่ไมโคร ไอ้อาหารเสริมพี่เนี่ยมันต้องกินยังไง"(in phone)
ผมโทรไปสั่งมาเพิ่ม สอบถามวิธีจนเข้าใจทุกขั้นตอน หาข้อมูลอาหารไขมันต่ำ วิธีลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง
ส่วนมากคนเราจะอ้วนเพราะปล่อยตัวจริงๆ กินอาหารขยะจนเคยตัว
พลัดวันประกันพรุ่งไม่ยอมออกกำลังกาย ผมจัดตารางการทานอาหาร
และการออกกำลังกายของตัวเองไว้เรียบร้อย ขนาดเอ็นให้ติดผมยังทำได้ยากกว่าการไดเอทตั้งเยอะ
ไว้เจอกับผมคนใหม่นะ..ไอ้พี่ริว
ติดอกติดใจทักหลังไมค์มาได้นะ